ดื่มน้ำอย่างไร ให้อายุยืน
ในการดำรงชีวิตของคนเราล้วนต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ ด้านเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้วงจรการดำรงชีวิตเป็นไปอย่างปกติและเกิดความสมดุล ซึ่งถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปแล้วย่อมส่งผลต่อร่างกายให้เกิดความผิดปกติ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า น้ำ อาหาร วิถีชีวิต การออกกำลังกาย การตรวจสุขภาพ ไม่มีผลกับการดำรงชีวิตของคุณ การดื่มน้ำนั้นเราก็ต้องเลือก เพราะน้ำมีหลายแบบหลายประเภท ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดีเราควรรู้วิธีการดื่มน้ำอย่างถูกต้อง
1. น้ำดื่มธรรมชาติ
น้ำดื่มธรรมชาติ หรือ น้ำดิบ ซึ่งอยู่ทั่วไปตามแหล่งน้ำธรรมชาติ มีคุณสมบัติทางชีวภาพที่ทำให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรง นำไปฆ่าเชื้อด้วยความร้อน หรือ ใส่สารฆ่าเชื้อ จะทำให้สูญเสียคุณประโยชน์นี้ไปโดยไม่จำเป็น หากต้องซื้อน้ำดื่มควรเลือกชนิดที่ ไม่ผ่านความร้อน หรือ น้ำดื่มธรรมชาติที่ไม่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อใด ๆ
2. น้ำด่าง
ปกติค่าความเป็นกรดด่าง หรือ pH ในร่างกายของคนมีสุขภาพดีจะอยู่ที่ 7.4 ซึ่งมีความเป็นด่างอ่อน ๆ ดังนั้นการดื่มน้ำด่างที่มีค่าเป็นด่าง หรือ ค่า pH ใกล้เคียงกัน จะดูดซึมแร่ธาตุได้ดี ปัจจุบันมีน้ำอัลคาไลน์ ( น้ำด่าง ) ซึ่งเป็นน้ำดื่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ คืนความสมดุลให้ร่างกาย
3. น้ำกำจัดอนุมูลอิสระ ROS
น้ำประเภทนี้ได้มาจากบ่อน้ำแร่ น้ำแร่ใต้ดิน หรือน้ำพุร้อน มีสรรพคุณในการกำจัดอนุมูลอิสระ ROS แต่สิ่งที่ควรระวัง คือ น้ำที่ติดฉลากว่า น้ำบริสุทธิ์จากธรรมชาติ หรือ น้ำแร่ธรรมชาติ แต่ความจริงคือน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วนำมาบรรจุขวดขาย ซึ่งน้ำประเภทนี้แทบไม่มีคุณสมบัติทางชีวภาพหลงเหลืออยู่เลย จึงไม่ต่างจากการดื่มน้ำบริสุทธิ์ทั่วไป
4. ระดับความเป็นด่างที่เหมาะกับร่างกาย
การตัดสินใจเลือกดื่มน้ำด่าง ควรพิจารณาค่า pH ให้เหมาะสมกับร่างกาย ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันดังต่อไปนี้
น้ำอ่อน คือ น้ำที่ผ่านการกรองจนมีค่าความกระด้างต่ำกว่า 100 มิลลิกรัมต่อลิตร ดื่มง่าย ไม่มีรสปร่า เหมาะสำหรับดื่มก่อนนอนหรือเมื่อร่างกายอ่อนเพลีย สามารถนำไปปรุงอาหาร ชงชา หรือ ชงกับนมผงให้ทารกกินได้ แต่มีแร่ธาตุน้อย จึงไม่มีผลเชิงสุขภาพนัก
น้ำกระด้าง คือ น้ำที่มีค่าความกระด้างสูงกว่า 100 มิลลิกรัมต่อลิตร มีความขมและฝาด เพราะมีแมกนีเซียมปริมาณมาก มีแร่ธาตุสูง หากดื่มเป็นประจำจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวมได้ แต่หากได้รับแมกนีเซียมมากเกินไป อาจจะทำให้ท้องเสีย กระเพาะอาหารและลำไส้ผิดปกติได้
5. ดื่มน้ำให้ได้วันละ 1.5-2 ลิตร
ในร่างกายของผู้ใหญ่ประกอบด้วยน้ำราว 60% ขณะที่ร่างกายเด็กมีน้ำถึง 80% หากร่างกายขาดน้ำซัก 2% ก็จะเริ่มมีสัญญาณเตือนผ่านความรู้สึกคอแห้งและกระหายน้ำ ปกติคนเราจะได้รับน้ำจากอาหารที่กินเข้าไปประมาณ 1 ลิตร และน้ำที่เกิดจากการเผาผลาญสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมันอีก 0.5 ลิตร ส่วนที่เหลือจึงต้องาจากการดื่มน้ำโดยตรง ในแต่ละวัน ร่างกายจะสูญเสียน้ำไม่เท่ากัน ถ้าวันไหนออกแรงหนัก หรือ อากาศร้อนจนเสียเหงื่อ ร่างกายก็จะสูญเสียน้ำทันที 1 ลิตร ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตร โดยดื่มครั้งละ 1 แก้ว และเริ่มจากการจิบทีละน้อยก่อนหากรู้สึกคอแห้งมากเพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำปริมาณมากในเวลาอันรวดเร็ว
การเลือกดื่มน้ำที่ถูกวิธีเป็นการดูแลตัวอย่างอย่างง่ายที่สุด สามารถทำตามได้ไม่ยากเพียงแค่มีวินัยและเลือกสรรการกินให้กับร่างกายของเรา เพียงเท่านี้ร่างกายของเราก็จะสึกหรอช้าลงกว่าคนที่ไม่ดูแลตัวเองค่ะ
ด้วยความปรารถนาดีจาก
เครื่องกรองน้ำด่าง (อัลคาไลน์) ตราแมนเนเจอร์ (Alkaline Water Ionizer By ManNature)
ขอบคุณข้อมูลจาก goodlifeupdate
บทความที่น่าสนใจ